Pages

Saturday, June 5, 2010

อุลตราซาวด์(Ultrasoud)

การตรวจด้วยอุลตราซาวด์ เป็นที่ยอมรับ ของแพทย์ทุกสาขา เครื่องอุลตราซาวด์ มีใช้กันแพร่หลาย เกือบทุกโรงพยาบาล หลายโรงพยาบาล มีมากกว่า 1 เครื่อง ทั้งนี้ เพราะราคาไม่แพงนัก เมื่อเทียบกับ เครื่องเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือ เครื่อง MRI และ เครื่องอุลตราซาวด์ ยังมีให้เลือก ตั้งแต่เครื่องเล็ก ซึ่ง สามารถหิ้วไปตามตึกผู้ป่วยได้ (Mobile) จนถึง เครื่องใหญ่ที่มีเทคนิคพิเศษเพิ่มเติม เพื่อการใช้งาน ได้หลายแบบ และ มีหน่วยความจำมากขึ้น ซึ่งราคา ก็จะต่างกันไปด้วย ตั้งแต่ 3 แสนบาท จนถึง หลายล้านบาท



ส่วนคลื่นความถี่สูงที่มนุษย์ผลิตขึ้นมานั้น อาศัยหลัการ Piezoelectirc effect ที่เกิดขึ้นในผลึกและให้ออกมาเป็น Ultrasound ซึ่งนำมาใช้ประโยชน์ในการแพทย์ ผลึกที่พบในธรรมชาติได้แก่ Quartz ส่วนผลึกสังเคราะห์ ได้แก่ Barium titanate และ Lead irconate titanate ผลึกเหล่านี้จะบรรจอยู่ในหัวตรวจ (Transducer or Probe)



คุณสมบัติของ Pizoelectic effect ของผลึก คือ เมื่อให้การเปลี่ยนแปลงของประจุไฟฟ้า (Conversion of electricity) ผ่านเข้าสู่ผลึก ทำให้โมเลกุลผ่านในผลึก เกิดการสั่นสะเทือน (Mechanical vibrations) แล้วปล่อยคลื่นเสียงความถี่สูง ออกมาสู่ภายนอก และในทางกลับกัน เมื่อคลื่นเสียงกระทบผลึกนี้ ทำให้โมเลกุลภายในเกิดการสั่นสะเทือน แล้วเปลี่ยน ออกมา เป็นการเปลี่ยนแปลงของประจุไฟฟ้าได้

หลักการ

หลักการของอุลตราซาวด์ก็คือ เมื่อให้ประจุไฟฟ้าเป็นระยะ ติดๆกัน ไปยังผลึกที่มีคุณสมบัติ Piezoelectric effect จะ ทำให้ได้อุลตราซาวด์ออกมา เป็นช่วงๆ (ultrasonic pulses) เข้าสู่ส่วนที่เรานำสัมผัส เมื่อพบรอยต่อของตัวกลาง (Interface) 2 ชนิด ทำให้เกิดการสะท้อน (Reflection) และการหักเห ตลอดแนวทางที่เสียงเดินผ่าน ในตัวกลางต่างชนิดกัน การเกิด การสะท้อนกลับมาสู่หัวตรวจ จะเกิดในเปอร์เซนต์และองศาที่แตกต่างกัน ฉนั้นภาพที่ได้จึงปรากฎบนจอภาพให้เห็น ความแตกต่างของเนื้อเยื่อ ซึ่งเป็นตัวกลางที่เสียงเดินผ่าน จึงทำให้บอกความผิดปกติ เพื่อตรวจวินิจฉัยโรคได้
 
การตรวจวินิจฉัยโรคด้วย "คลื่นเสียงความถี่สูง" หรือ "อุลตราซาวด์" (Ultrasound) เป็นการตรวจ อีกวิธีหนึ่ง จากหลายๆ วิธี เพื่อให้การวินิจฉัยโรค เป็นไปได้ถูกต้อง และแม่นยำยิ่งขึ้น ซึ่งการตรวจด้วยเอ็กซเรย์ ก็เป็นวิธีหนึ่ง เช่นกัน การตรวจเริ่มจาก การปล่อยคลื่นเสียงความถี่สูง (ในทางวินิจฉัยโรคใช้ ความถี่ 2-7.5 MHz) จากหัวตรวจ (Probe) ผ่านลงสู่ผิวหนัง เข้าไปยังอวัยวะภายใน เมื่อเสียงกระทบรอยต่อ (Interface) ของเนื้อเยื่อ 2 ชนิด จะให้การสะท้อน (Reflection) และการหักเห (Refraction) ควบคู่กันไป เช่นนี้ทุกครั้ง เสียงที่สะท้อน กลับมายัง Probe ทุกครั้ง จะถูกแปรผล ให้ปรากฎเป็นภาพ แสดงบนจอ CRT (Cathode Ray Tube) ตามเวลาที่กลับมา จึงเห็นเป็นความลึกต่างๆ กันในทันที
 
ข้อได้เปรียบของการตรวจด้วยอุลตราซาวด์


อุลตราซาวด์ เริ่มมีบทบาทมากขึ้นในด้านการแพทย์ ทั่งทาง Surgery, Therapy และ Diagnosis โดยเฉพะทาง Diagnosis นั้นเป็นที่นิยมทั่วไปทั้งนี้เพราะ



1. ไม่ก่อให้เกิดอันตรายจากรังสี จึงปลอดภัยสำหรับผู้ป่วย โดยเฉพาะเด็กและหญิงมีครรภ์ รวมทั้ง ผู้ควบคุมเครื่องอุลตราซาวด์ด้วย ฉะนั้นการตรวจจึงทำได้บ่อยครั้ง เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลง ของโรคเป็นระยะๆ หรือ ภายหลังการผ่าตัด แม้กระทั่ง ติดตามการเจริญเติบโต ของทารกในครรภ์



2.การตรวจทำได้ง่าย สะดวย และรวดเร็ว ไม่ยุ่งยากในการเตรียม ผู้ป่วยจึงไม่มีปัญหาต้องดมยา หรือ Sedate ในเด็ก หรือ ผู้ป่วยที่ไม่ให้ความร่วมมือ การตรวจใช้เวลาสั้น ๆ โดยตรวจอย่างละเอียด ใช้เวลาไม่ถึงกี่ครึ่งชั่วโมง ฉะนั้น จึงสามารถตรวจผู้ป่วยได้จำนวนมากในแต่ละวัน



3.ไม่ก่อให้เกิดอาการแทรกซ้อนไม่เกิดบาดแผลหรือการเจ็บปวดทรมานทั้งนี้เพราะการตรวจ ด้วยอุลตราซาวด์ ไม่จำเป็นต้องฉีดสารใด ๆ เข้าร่างกาย เพื่อช่วยในการตรวจ



4.ตรวจได้เกือบทุกอวัยวะในร่างกาย ที่เป็นเนื้อเยื่อ (Soft timssue) และ ตรวจได้ทุกระนาบ ได้แก่ Transverse, Longitudinal, oblique แม้ผู้ป่วยจะอยู่ใน position ใด เช่น Supine, Prone, Upright, Decubitus. สามารถทำการตรวจได้ ในบางครั้งการตรวจอาจจำเป็นต้องเปลี่ยน position ของผู้ป่วยบ้าง ก็ทำแต่เพียง เล็กน้อยไม่ยุ่งยากสำหรับผู้ป่วยเลย



5.ภาพอุตราซาวด์ แสดงเนื้อเยื่อชนิดต่าง ให้เห็นรายละเอียดภายในเนื้อเยื่อ และ ขอบเขตที่แยก จากกันชัดเจน
 
ข้อบ่งชี้ในการตรวจ




โดยทั่วไปการ Request ผู้ป่วยมาตรวจด้วยอุลตราซาวด์นั้นเพื่อ

1. ดูความผิดปกติทั่ว ๆ ไป

2. เพื่อ comfirm กับการตรวจทาง clinical ว่าพบ Mass

3. Mass ที่พบเป็นส่วนของอวัยวะใด หรือ ติดต่อกับอวัยวะใดบ้าง

4. เพื่อดู Mass ที่พบว่าเป็น Mass ประเภทใด ได้แก่

Cyst

Solid tumour

Abscess

Compound mass

5. ติดตาม Known case เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงและ Evaluate ขนาด

6. เพื่อเป็น quide .odki Aspiration Procedure

7. เพื่อดูเพศของทารกในครรภ์



ข้อเสียเปรียบของการตรวจด้วยอุลตราซาวด์

1. การตรวจจะให้ภาพที่มีคุณค่าในการวินิจฉัยหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้ใช้เครื่องดังนี้



- มีความสามารถ ใช้มือจับหัวตรวจ สัมพันธ์กับ ใช้ตาดูภาพที่ได้บนจอภาพ เพื่อให้ ได้ภาพที่มีคุณค่าในการวินิจฉัยโรค

- มีความรู้ทางกายภาพพอที่จะสามารถแยก อวัยวะปกติ จากสิ่งแปลกปลอม (Artefact)

- มีความรู้ทางฟิสิกส์พอที่จะสามารถปรับ gain control เพื่อให้ได้ภาพที่ดีที่สุด



2. ภาพที่ได้มีขีดจำกัดตามขนาดของเครื่อง และตัวกลางเก็บภาพ (Recording Media)

3. สภาวะผู้ป่วยมีความสำคัญต่อภาพที่ได้ อุลตราซาวด์จะให้ภาพไม่ดี ในกรณีผู้ป่วยอ้วน มี Fat หนา และผู้ป่วยที่มี gas ในส่วนของช่องท้องมาก

4. อุลตราซาวด์ใช้ตรวจกระดูกไม่ได้ เพราะเสียงเมื่อกระทบกระดูก จะให้การสะท้อนเพียง 36% มีเพียงเล็กน้อยสามารถทะลุผ่านไปได้ ส่วนที่เหลือจะถูกดูดซึมในกระดูก ฉะนั้นจึงเป็นการลำบาก ในการเก็บภาพของอวัยวะที่อยู่ใต้ Rib และเช่นเดียวกับ ในผู้ป่วยที่มี Barium Sulfrate ค้างอยู่ใน GI Tract จะให้ภาพที่ไม่มีคุณค่าในการวินิจฉัยเลย

5. เครื่องอุลตราซาวด์ จะให้ประโยชน์ได้เต็มที่ ในงานแต่ละอย่าง ขึ้นอยู่กับความรู้พื้นฐานของ ผู้พิจารณาเลือกซื้อเครื่อง ให้ได้เครื่องที่ดีที่สุดเหมาะสมกับงาน ในวงเงินที่กำหนดไว้

6. เครื่องอุลตราซาวด์เ ป็นเครื่องที่ถูกสร้างขึ้นมา ด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง จึงมีกลไกซับซ้อนและ ละเอียดมาก (Complicate and Delicate) เมื่อเครื่องเสีย จึงหาผู้เชี่ยวชาญในการซ่อมได้ยาก ฉะนั้น ในการพิจารณาซื้อเครื่อง จึงควรคำนึงถึงข้อนี้ และเลือกบริษัท ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายที่ เชื่อถือได้ เพื่อการบริการซ่อมได้ถูกต้อง ใช้เวลาไม่นานนัก และค่าใช้จ่ายน้อย
 
 
คำแนะนำในการเตรียมตรวจ Ultrasound




1. การตรวจช่องท้องส่วนบนด้วยอัลตราซาวน์ (Ultrasound Upper Abdomen)

เป็นการตรวจภายในช่องท้องเพื่อดูความผิดปกติของตับ ไต ถุงน้ำดี ม้าม ตับอ่อน เป็นต้น

การเตรียมตัวก่อนการตรวจ Ultrasound Upper Abdomen

ให้งดน้ำ, อาหาร และยาทุกชนิด 4-6 ชั่วโมงก่อนตรวจ

2. การตรวจช่องท้องส่วนล่างหรืออุ้งเชิงกรานด้วยอัลตราซาวน์ (Ultrasound Lower Abdomen or Pelvis)

เป็นการตรวจภายในช่องท้องเพื่อดูความผิดปกติของอวัยวะในช่องท้องส่วนล่าง (อุ้งเชิงกราน) เช่น รังไข่, มดลูก, ต่อมลูกหมาก หรือก้อนเนื้องอกในอุ้งเชิงกราน ซึ่งจะสามารถเห็นได้ดี ถ้ากระเพาะปัสสาวะมีน้ำอยู่เต็ม

การเตรียมตัวก่อนการตรวจ Ultrasound Lower Abdomen or Pelvis

ไม่ต้องงดน้ำ และอาหาร แต่ควรดื่มน้ำมากๆ แล้วกลั้นปัสสาวะไว้จนกว่าจะตรวจเสร็จ

3. การตรวจช่องท้องทั้งหมดด้วยอัลตราซาวน์ (Ultrasound Whole Abdomen)

เป็นการตรวจดูความผิดปกติภายในช่องท้องทั้งหมด

การเตรียมตัวก่อนการตรวจ Ultrasound Upper Abdomen

ให้งดน้ำ, อาหาร และยาทุกชนิด 4-6 ชั่วโมงก่อนตรวจ

กลั้นปัสสาวะจนกระทั่งปวดเต็มที่

4. การตรวจอัลตราซาวน์บริเวณอื่นๆ

เป็นการตรวจอัลตราซาวน์บริเวณอื่นๆ เช่น ต่อมไทรอยด์ เต้านม เป็นต้น เพื่อตรวจหาความผิดปกติ

การเตรียมตัวก่อนการตรวจอัลตราซาวน์บริเวณอื่นๆ

ไม่ต้องงดน้ำ และอาหาร

No comments:

Post a Comment