อัลตราซาวนด์คืออะไร อัลตราซาวนด์ (ultrasound) คือคลื่นเสียงความถี่สูง (มากกว่า 20,000 Hz.) หลักการของการตรวจอัลตราซาวนด์ คือการส่งคลื่นเสียงความถี่สูงออกไปจากหัวตรวจ คลื่นเสียงจะกระทบกับเนื้อเยื่อต่างๆ ซึ่งมีความสามารถในการดูดซับและสะท้อนกลับไม่เท่ากัน หัวตรวจจะทำหน้าที่รับสัญญาณคลื่นเสียงที่สะท้อนกลับมาในระดับต่างๆ ซึ่งบ่งถึงความหนาแน่น และระดับความลึกของเนื้อเยื่อนั้นๆ และนำสัญญาณที่ได้รับมาประมวลผลและสร้างเป็นภาพขึ้นมา
ประโยชน์ของการตรวจอัลตราซาวนด์ระหว่างการตั้งครรภ์ มีประโยชน์ในการตรวจความผิดปกติของโครงสร้างของร่างกายของทารกในครรภ์ โดยเฉพาะโครงสร้างหลัก ได้แก่ กะโหลกศีรษะ เนื้อสมอง โครงกระดูก แขนขา ช่องอก เนื้อปอด หัวใจ ผนังหน้าท้อง อวัยวะหลักภายในช่องท้อง ได้แก่ ตับ ไต ความผิดปกติของลำไส้บางชนิด กระเพาะปัสสาวะ ฯลฯ การวัดขนาดของทารกจากการตรวจอัลตราซาวนด์ ยังช่วยในการยืนยัน หรือกำหนดอายุครรภ์ และกำหนดคลอดในรายที่มารดาจำรอบประจำเดือนไม่ได้ หรือประจำเดือนไม่แน่นอน ซึ่งจะมีประโยชน์อย่างมากในการดูแลรักษาในช่วงใกล้คลอด ช่วยป้องกันภาวะครรภ์เกินกำหนด ซึ่งอาจมีผลเสียต่อสุขภาพทารกในครรภ์ได้ นอกจากนั้นการตรวจอัลตราซาวนด์ทำให้แม่ได้เห็นภาพลูกของตน ซึ่งเคลื่อนไหวอยู่ในครรภ์ก่อให้เกิดความรักความผูกพันตั้งแต่บุตรยังไม่คลอด (Maternal-fetal bonding) หลายประเทศแถบยุโรปมีนโยบายให้สตรีตั้งครรภ์ทุกราย ควรรับการตรวจอัลตราซาวนด์อย่างน้อยหนึ่งครั้งในช่วงกลางของการตั้งครรภ์ เพื่อเป็นการคัดกรองว่าโครงสร้างหลักของทารกในครรภ์อยู่ในเกณฑ์ปกติ ขณะนี้สูติแพทย์จำนวนมากในประเทศไทยก็ปฏิบัติเช่นเดียวกันนี้ ทั้งนี้ การตรวจอัลตราซาวนด์ก็ยังมีข้อจำกัด คือ ความผิดปกติของอวัยวะบางอย่างเป็นสิ่งที่วินิจฉัยไม่ได้ โดยเฉพาะความผิดปกติของอวัยวะที่มีขนาดเล็กมาก หรือหัวใจพิการแต่กำเนิดบางประเภท ที่สำคัญการตรวจอัลตราซาวนด์ปกติเป็นการยืนยันความปกติของโครงสร้างหลักเท่านั้น ไม่ได้บอกถึงความปกติของหน้าที่การทำงานของอวัยวะนั้นๆ ตัวอย่างโรคที่มีลักษณะการทำงานผิดปกติโดยที่โครงสร้างปกติ ได้แก่ โรคออทิสติก เป็นต้น อัลตราซาวนด์ธรรมดา กับอัลตราซาวนด์ 3 มิติ และ 4 มิติ ภาพที่ได้จากการตรวจอัลตราซาวนด์ทั่วไป จะเป็นภาพ 2 มิติ คือ มิติที่ 1 คือความกว้าง มิติที่ 2 คือความยาว มิติที่ 3 ที่เพิ่มขึ้นมาคือ ความลึก ซึ่งจะทำให้ภาพนั้นเสมือนวัตถุจริง ไม่ใช่ภาพตัดขวางของวัตถุ ในการอัลตราซาวนด์ 4 มิติ การประมวลผลจะมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น โดยเครื่องจะทำการเก็บภาพ 3 มิติ แต่ละภาพแล้วแสดงผลเรียงต่อกัน ทำให้เกิดเป็นภาพเคลื่อนไหวเช่นเดียวกับภาพยนตร์ ซึ่งมี มิติที่ 4 คือ เวลา นั่นเอง ในการตรวจทารกในครรภ์ด้วยอัลตราซาวนด์ 4 มิติ จึงสามารถเห็นภาพทารกเคลื่อนไหวอยู่ในครรภ์มารดา เห็นกิริยาอาการที่ทารกกำลังทำอยู่ในขณะตรวจได้ เช่น การหันหน้า ยกแขน ขยับนิ้ว หาว ฯลฯ ประโยชน์ของการตรวจอัลตราซาวนด์แบบ 3 มิติ และ 4 มิติ สิ่งสำคัญที่ได้จากการตรวจอัลตราซาวนด์แบบใหม่ ก็คือการทำให้ได้ข้อมูลและรายละเอียดที่มากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของความผิดปกติที่พื้นผิว (surface abnormality) เช่นปากแหว่ง หรือเนื้องอกที่ผิวบางชนิด ที่สำคัญการเก็บข้อมูลลักษณะ 3 มิติ และ 4 มิติ ทำให้สามารถเก็บข้อมูลในลักษณะของปริมาตร (volume) จึงสามารถพิจารณารายละเอียดได้ในลักษณะหลายระนาบ (multiplanar) ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการวินิจฉัยความผิดปกติบางอย่าง เช่น เพดานโหว่ เป็นต้น การตรวจอัลตราซาวนด์ในการตั้งครรภ์ปลอดภัยหรือไม่ อัลตราซาวนด์มีความปลอดภัยสูง สามารถตรวจได้ตลอดการตั้งครรภ์โดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง จนถึงปัจจุบันมีการใช้อัลตราซาวนด์ทางสูติศาสตร์มาเป็นเวลานานกว่า 30 ปี มีสตรีกว่า 50 ล้านคนที่ได้รับการตรวจอัลตราซาวนด์ในระหว่างการตั้งครรภ์ ไม่มีรายงานพบว่าก่อให้เกิดความผิดปกติในทารก นอกจากนั้นยังมีการรับรองเป็นลายลักษณ์อักษรจากสถาบันอัลตราซาวนด์ทางการแพทย์แห่งอเมริกาว่า การตรวจอัลตราซาวนด์ระหว่างการตั้งครรภ์ไม่มีผลเสียใดๆ เกิดขึ้น
ประโยชน์ของการตรวจอัลตราซาวนด์ระหว่างการตั้งครรภ์ มีประโยชน์ในการตรวจความผิดปกติของโครงสร้างของร่างกายของทารกในครรภ์ โดยเฉพาะโครงสร้างหลัก ได้แก่ กะโหลกศีรษะ เนื้อสมอง โครงกระดูก แขนขา ช่องอก เนื้อปอด หัวใจ ผนังหน้าท้อง อวัยวะหลักภายในช่องท้อง ได้แก่ ตับ ไต ความผิดปกติของลำไส้บางชนิด กระเพาะปัสสาวะ ฯลฯ การวัดขนาดของทารกจากการตรวจอัลตราซาวนด์ ยังช่วยในการยืนยัน หรือกำหนดอายุครรภ์ และกำหนดคลอดในรายที่มารดาจำรอบประจำเดือนไม่ได้ หรือประจำเดือนไม่แน่นอน ซึ่งจะมีประโยชน์อย่างมากในการดูแลรักษาในช่วงใกล้คลอด ช่วยป้องกันภาวะครรภ์เกินกำหนด ซึ่งอาจมีผลเสียต่อสุขภาพทารกในครรภ์ได้ นอกจากนั้นการตรวจอัลตราซาวนด์ทำให้แม่ได้เห็นภาพลูกของตน ซึ่งเคลื่อนไหวอยู่ในครรภ์ก่อให้เกิดความรักความผูกพันตั้งแต่บุตรยังไม่คลอด (Maternal-fetal bonding) หลายประเทศแถบยุโรปมีนโยบายให้สตรีตั้งครรภ์ทุกราย ควรรับการตรวจอัลตราซาวนด์อย่างน้อยหนึ่งครั้งในช่วงกลางของการตั้งครรภ์ เพื่อเป็นการคัดกรองว่าโครงสร้างหลักของทารกในครรภ์อยู่ในเกณฑ์ปกติ ขณะนี้สูติแพทย์จำนวนมากในประเทศไทยก็ปฏิบัติเช่นเดียวกันนี้ ทั้งนี้ การตรวจอัลตราซาวนด์ก็ยังมีข้อจำกัด คือ ความผิดปกติของอวัยวะบางอย่างเป็นสิ่งที่วินิจฉัยไม่ได้ โดยเฉพาะความผิดปกติของอวัยวะที่มีขนาดเล็กมาก หรือหัวใจพิการแต่กำเนิดบางประเภท ที่สำคัญการตรวจอัลตราซาวนด์ปกติเป็นการยืนยันความปกติของโครงสร้างหลักเท่านั้น ไม่ได้บอกถึงความปกติของหน้าที่การทำงานของอวัยวะนั้นๆ ตัวอย่างโรคที่มีลักษณะการทำงานผิดปกติโดยที่โครงสร้างปกติ ได้แก่ โรคออทิสติก เป็นต้น อัลตราซาวนด์ธรรมดา กับอัลตราซาวนด์ 3 มิติ และ 4 มิติ ภาพที่ได้จากการตรวจอัลตราซาวนด์ทั่วไป จะเป็นภาพ 2 มิติ คือ มิติที่ 1 คือความกว้าง มิติที่ 2 คือความยาว มิติที่ 3 ที่เพิ่มขึ้นมาคือ ความลึก ซึ่งจะทำให้ภาพนั้นเสมือนวัตถุจริง ไม่ใช่ภาพตัดขวางของวัตถุ ในการอัลตราซาวนด์ 4 มิติ การประมวลผลจะมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น โดยเครื่องจะทำการเก็บภาพ 3 มิติ แต่ละภาพแล้วแสดงผลเรียงต่อกัน ทำให้เกิดเป็นภาพเคลื่อนไหวเช่นเดียวกับภาพยนตร์ ซึ่งมี มิติที่ 4 คือ เวลา นั่นเอง ในการตรวจทารกในครรภ์ด้วยอัลตราซาวนด์ 4 มิติ จึงสามารถเห็นภาพทารกเคลื่อนไหวอยู่ในครรภ์มารดา เห็นกิริยาอาการที่ทารกกำลังทำอยู่ในขณะตรวจได้ เช่น การหันหน้า ยกแขน ขยับนิ้ว หาว ฯลฯ ประโยชน์ของการตรวจอัลตราซาวนด์แบบ 3 มิติ และ 4 มิติ สิ่งสำคัญที่ได้จากการตรวจอัลตราซาวนด์แบบใหม่ ก็คือการทำให้ได้ข้อมูลและรายละเอียดที่มากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของความผิดปกติที่พื้นผิว (surface abnormality) เช่นปากแหว่ง หรือเนื้องอกที่ผิวบางชนิด ที่สำคัญการเก็บข้อมูลลักษณะ 3 มิติ และ 4 มิติ ทำให้สามารถเก็บข้อมูลในลักษณะของปริมาตร (volume) จึงสามารถพิจารณารายละเอียดได้ในลักษณะหลายระนาบ (multiplanar) ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการวินิจฉัยความผิดปกติบางอย่าง เช่น เพดานโหว่ เป็นต้น การตรวจอัลตราซาวนด์ในการตั้งครรภ์ปลอดภัยหรือไม่ อัลตราซาวนด์มีความปลอดภัยสูง สามารถตรวจได้ตลอดการตั้งครรภ์โดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง จนถึงปัจจุบันมีการใช้อัลตราซาวนด์ทางสูติศาสตร์มาเป็นเวลานานกว่า 30 ปี มีสตรีกว่า 50 ล้านคนที่ได้รับการตรวจอัลตราซาวนด์ในระหว่างการตั้งครรภ์ ไม่มีรายงานพบว่าก่อให้เกิดความผิดปกติในทารก นอกจากนั้นยังมีการรับรองเป็นลายลักษณ์อักษรจากสถาบันอัลตราซาวนด์ทางการแพทย์แห่งอเมริกาว่า การตรวจอัลตราซาวนด์ระหว่างการตั้งครรภ์ไม่มีผลเสียใดๆ เกิดขึ้น
No comments:
Post a Comment